ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่น


สถานการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่น ม.ค. - มี.ค. 2557

16/06/2014

1. ภาพรวมของ ศก.ญี่ปุ่น

1.1 ดัชนีทาง ศก. ของญี่ปุ่นที่สำคัญ

  • เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2557 สนง.ครม.ญี่ปุ่น ได้ประกาศอัตราการเติบโตของ Real GDP ญี่ปุ่น งวดเดือน ต.ค. - ธ.ค. 2556 (ตัวเลขปรับปรุง) อยู่ที่ร้อยละ 0.2 QoQ และร้อยละ 0.7 YoY โดยปัจจัยที่ผลักดันให้ Real GDP เติบโต ได้แก่ การบริโภคส่วนบุคคล (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 QoQ) การลงทุนในที่อยู่อาศัย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 QoQ) การลงทุนภาคเอกชน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 QoQ) การลงทุนภาครัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 QoQ) ในส่วนของอุปสงค์จากภายนอกประเทศ การส่งออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 QoQ ในขณะที่การนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 QoQ ทั้งนี้ นายอะกิระ อะมะริ รมว.รับผิดชอบด้าน ศก.และการคลัง ระบุว่า ศก.ญี่ปุ่นยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอุปสงค์ภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อน อย่างไรก็ดี อัตราเติบโตในภาพรวมต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกประเทศที่ไม่ขยายตัวเท่าที่ควร เนื่องจาก ศก.ของประเทศ ศก.เกิดใหม่ ที่มีความไม่แน่นอน

    ทั้งนี้ เมื่อคิดเป็นรายปี อัตราการเติบโตของ Real GDP ญี่ปุ่น ในปี 2556 อยู่ที่ร้อยละ 1.5 ซึ่งสูงกว่าอัตราเติบโตประจำปี 2555 ที่ร้อยละ 1.4

    อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ Real GDP ญี่ปุ่น จะลดลงร้อยละ 4.04 YoY ในงวดเดือน เม.ย. – มิ.ย. 2557 เนื่องจากผลกระทบหลังการปรับขึ้นอัตราภาษีผู้บริโภคเป็นร้อยละ 8 เมื่อเดือน เม.ย. 2557 และจะกลับมาฟื้นตัวโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.27 YoY ในงวดเดือน ก.ค. – ก.ย. 2557 และคาดว่าอัตราการเติบโตของ Real GDP ญี่ปุ่นประจำปีงบประมาณ 2557 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.71


  • เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2557 กระทรวงการคลังญี่ปุ่นประกาศตัวเลขดุลการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่นประจำปี งบประมาณ 2556 (เม.ย. 2556 – มี.ค. 2557) ว่าขาดดุล 13.75 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2555 ซึ่งขาดดุล 8.16 ล้านล้านเยน โดยถือเป็นการขาดดุลการค้าที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น เนื่องจากการนำเข้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 84.61 ล้านล้านเยน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3 จากปีงบประมาณก่อน สาเหตุหลัก คือ 1) การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากกาตาร์และมาเลเซีย และน้ำมันดิบจากยูเออี และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลงสำหรับใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อทดแทนพลังงานจากนิวเคลียร์ที่ยังถูกระงับใช้ 2) การนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ จากจีนเพิ่มขึ้น และ 3) การซื้อสินค้าและวัตถุดิบนำเข้าในปริมาณมากในช่วงก่อนวันที่ 1 เม.ย. 2557 ก่อนที่ญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราภาษีผู้บริโภค ในขณะที่ มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 70.86 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ และเคมีภัณฑ์ไปยังจีนที่เพิ่มขึ้น แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยังต่ำกว่าการนำเข้า จึงเป็นผลให้ขาดดุลมากขึ้น

    ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่นคาดว่า ญี่ปุ่นจะยังขาดดุลการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการส่งออกมีแนวโน้มจะทรงตัวเนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลง แต่การนำเข้าน่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไป เพราะยังจำเป็นต้องนำเข้า LNG ต่อเนื่องหากยังไม่มีการเปิดใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศ


  • เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2557 กระทรวงกิจการภายในญี่ปุ่นประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือน ก.พ. 2557 อยู่ที่ระดับ 100.5 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.3 โดยถือเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 สินค้าที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดได้แก่ เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ เครื่องซักผ้า ค่าไฟฟ้า และโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสินค้าสำหรับการอุปโภคบริโภคประจำวัน จึงแสดงให้เห็นแนวโน้มของการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งจะให้ ศก.ญี่ปุ่น หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด และให้อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอยู่ที่ร้อยละ 2 ภายในปีงบประมาณ 2558 โดยธนาคารชาติญี่ปุ่นแสดงความมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน


  • เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2557 กระทรวงกิจการภายในญี่ปุ่นประกาศอัตราว่างงานประจำเดือน ก.พ. 2557 อยู่ที่ร้อยละ 3.6 ลดลงจากเดือน ม.ค. 2557 ร้อยละ 0.1 โดยถือว่าเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 7 ปี ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นประเมินว่า การฟื้นตัวของ ศก.ญี่ปุ่น ส่งผลดีต่อการจ้างงาน ทำให้บริษัทต่าง ๆ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยอัตราการว่างงานของสตรี อยู่ที่ร้อยละ 3.3 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 16 ปี 5 เดือน เนื่องจากแนวโน้มจำนวนประชากรญี่ปุ่นที่ลดลงและภาวะผู้สูงอายุที่รุนแรงมาก ขึ้น ทำให้มีการส่งเสริมการใช้แรงงานของสตรีและชาวต่างชาติมากขึ้น

    ทั้งนี้ จำนวนคนต่างชาติในญี่ปุ่นประจำปี 2556 มีจำนวน 1.59 ล้านคน เพิ่มขึ้น 37,000 คน หรือร้อยละ 2 (คำนวณจากจำนวนชาวต่างชาติที่อยู่ในญี่ปุ่นมากกว่า 3 เดือน) ในขณะที่ จำนวนประชากรญี่ปุ่นลดลง 3 ปีติดต่อกัน โดยพบว่ามีชาวต่างชาติอยู่ในภาคแรงงานมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาบริการและขนส่ง ในเขตกรุงโตเกียว และในสาขาการผลิต ในเขตโตไค ซึ่งคาดการณ์ว่า การเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นของชาวต่างชาติจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป และรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาขยายระยะเวลาการรับผู้ฝึกงานต่างชาติจาก 3 ปี เป็น 5 ปี และอนุญาตให้ผู้ฝึกงานต่างชาติที่เคยฝึกงานในญี่ปุ่นแล้วสามารถกลับมาฝึกงาน ได้อีกไม่เกิน 3 ปี รวมทั้งอนุญาตให้บริษัท 1 แห่ง สามารถรับชาวต่างชาติเข้าทำงานเพิ่มได้จากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 10 ของจำนวนพนักงานในบริษัททั้งหมด เพื่อรับมือกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในสาขาการก่อสร้างสาธารณูปโภครองรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ค.ศ. 2020


  • เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2557 สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (เคดันเรน) ประกาศผลสำรวจการปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนของบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ประจำปี 2556 โดยพบว่า บริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนให้แก่พนักงานเฉลี่ยคนละ 7,697 เยน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.39 เมื่อเทียบกับอัตราเงินเดือนในปี 2555 ถือเป็นการปรับเพิ่มเฉลี่ยเกินระดับ 7,000 เยน เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี และเป็นการปรับเพิ่มในอัตราที่สูงเกินร้อยละ 2 ครั้งแรกในรอบ 15 ปี ส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มเงินเดือนในอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการดีขึ้นจาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยอุตสาหกรรมการผลิต ปรับเพิ่มเงินเดือนเฉลี่ย 7,900 เยน หรือร้อยละ 2.5 เช่น สาขาเครื่องจักรและโลหะปรับเพิ่มร้อยละ 3.33 และสาขายานยนต์ ปรับเพิ่มเงินเดือนร้อยละ 2.78 ในขณะที่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การผลิต ปรับเพิ่มเงินเดือน 7,295 เยน หรือร้อยละ 2.18


1.2 การประเมินสภาวะ ศก. ญี่ปุ่น

  • รัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารชาติญี่ปุ่น (BOJ) ต่างประเมินสภาวะ ศก.ญี่ปุ่น ประจำเดือน ม.ค. - มี.ค. 2557 ว่าอยู่ในสภาวะที่ยังคงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เนื่องจากการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนและภาวการณ์จ้างงาน รวมทั้งการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ในการประเมินภาวะ ศก. ประจำเดือน เม.ย. 2557 น่าจะมีการปรับลดการประเมิน เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีผู้บริโภคจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 8 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2557 น่าจะส่งผลกระทบทำให้การบริโภคลดลง แต่น่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เพราะคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนและการจ้างงานน่าจะยังอยู่ในภาวะที่ดี


2. ความเคลื่อนไหวด้านนโยบายที่สำคัญ

  • 2.1 เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2557 นรม.ญี่ปุ่น กล่าวในที่ประชุม ส.ส.ญี่ปุ่น เกี่ยวกับการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราภาษีผู้บริโภคจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 ในเดือน ต.ค. 2558 ซึ่งเคยระบุว่าจะตัดสินใจเรื่องนี้ภายในสิ้นปี 2557 เพิ่มเติมว่า ปัจจัยหนึ่งที่จะใช้พิจารณา ได้แก่ อัตราการเติบโตของ Real GDP ในงวดเดือน ก.ค. – ก.ย. 2557 ซึ่งควรเติบโตในช่วงอัตราร้อยละ 2 - 3 นอกจากนี้ จะพิจารณาจากการจ้างงาน และการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ทั้งนี้ หากการเพิ่มขึ้นของอัตราภาษีผู้บริโภคไม่กระทบต่อภาวะ ศก.ในภาพรวม ก็จะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติของบริษัทญี่ปุ่นต่อไปด้วย


  • 2.2 เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2557 วุฒิสภาญี่ปุ่นมีมติอนุมัติร่างงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2557 ซึ่ง ทำให้ร่างงบประมาณดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ โดยงบประมาณมีมูลค่า 95.88 ล้านล้านเยน ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น โดยในร่างงบประมาณดังกล่าว ส่วนใหญ่จัดสรรสำหรับมาตรการป้องกันการหดตัวของเศรษฐกิจหลังการขึ้นอัตรา ภาษีผู้บริโภค และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังจัดสรรสำหรับค่าประกันสังคมสำหรับผู้สูงอายุ กิจการสาธารณะ และการป้องกันประเทศ ซึ่งสูงขึ้นจากปีงบประมาณก่อน


  • 2.3 เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2557 รัฐบาลญี่ปุ่นจัดการประชุม คกก. เรื่องเขตยุทธศาสตร์พิเศษแห่งชาติ (National Strategic Special Zone) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการใน Growth Strategy ภายใต้นโยบาย Abenomics โดยมี นรม.ญี่ปุ่น เป็นประธาน โดยได้กำหนดพื้นที่ในญี่ปุ่นให้เป็นเขตยุทธศาสตร์พิเศษแห่งชาติ จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ (1) เขตเมืองหลวง ได้แก่ กรุงโตเกียว จ.คานากาวะ และ เมืองนาริตะ จ.ชิบะ ให้เป็นเขตที่จะได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางแห่งธุรกิจระหว่างประเทศและนวัต กรรม (2) เขตคันไซ ได้แก่ นครโอซากา จ.เฮียวโกะ และ จ.เกียวโต ให้เป็นเขตที่จะได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์การของนวัตกรรมด้านการแพทย์ และการพัฒนาบุคลากร (3) จ.นีกาตะ ให้เป็นเขตที่จะได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางแห่งการปฏิรูปด้านเกษตรกรรมใน พื้นที่กว้าง (4) เมืองยาบุ จ.เฮียวโกะ ให้เป็นเขตที่จะได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางแห่งการปฏิรูปด้านเกษตรกรรม บริเวณภูเขาและหุบเขา (5) เมืองฟุกุโอกะ จ.ฟุกุโอกะ ให้เป็นเขตที่จะได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางแห่งการปฏิรูปด้านการจ้างงาน และ (6) จ.โอกินาวะ ให้เป็นเขตที่จะได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยจะผ่อนคลายและปฏิรูปกฎระเบียบในพื้นที่เหล่านี้เพื่อให้ดำเนินการได้ตาม เป้าหมายและให้ชาวต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจในญี่ปุ่นได้สะดวกยิ่งขึ้น และจะมีการจัดตั้งสำนักงานดูแลเรื่องนี้ในแต่ละเขต โดยจะมีการสรุปแผนการพัฒนาพื้นที่ให้เสร็จภายในช่วงเดือน ส.ค. 2557 และจะจัดตั้ง รมต.พิเศษดูแลเรื่องเขตยุทธศาสตร์พิเศษแห่งชาติต่อไป


  • 2.4 เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2557 ก.ที่ดิน ระบบโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินสายระหว่างประเทศในท่าอากาศยานฮาเนดะ จาก 60,000 เที่ยวบินต่อปี เป็น 90,000 เที่ยวบินต่อปี เพื่อรองรับอุปสงค์การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่ขยายตัวขึ้น ซึ่งในจำนวนนี้มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ – ฮาเนดะ เพิ่มขึ้น 6 เที่ยวบินต่อวัน โดยเป็นเที่ยวบินของสายการบินไทย ANA และ Japan Airlines สายการบินละ 2 เที่ยวบิน นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบท่าอากาศยานรองรับ เช่น การขยายความกว้างของลานบิน และการเพิ่มจำนวนรถบัสจากท่าอากาศยานฯ ไปยังตัวเมืองในช่วงค่ำให้มากขึ้น ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2557


3. ความสัมพันธ์เศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น

3.1 การค้า

  • จากสถิติของ JETRO ช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. 2557 มีมูลค่ารวม 8,573.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.02 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการส่งออกจากญี่ปุ่นมาไทย มีมูลค่า 4,883.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 21.40 และการนำเข้าจากไทยไปยังญี่ปุ่นมีมูลค่า 3,690.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 โดย ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าต่อไทย 1,192.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ได้ดุลในอัตราที่ลดลง ทั้งนี้ เฉพาะในประเทศกลุ่มอาเซียน ไทยถือเป็นคู่ค้าลำดับที่ 1 ของญี่ปุ่น ตามด้วยมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ญี่ปุ่นส่งออกเป็นลำดับที่ 1 ในขณะที่ญี่ปุ่นนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 3 รองจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ทั้งนี้ การส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังหลายประเทศ รวมทั้งเกือบทุกประเทศในอาเซียน ยกเว้นสิงคโปร์และเวียดนาม ปรับตัวลดลง มิได้ลดลงเพียงเฉพาะการส่งอออกมายังไทยเท่านั้น สาเหตุหนึ่งเนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ใน อช.ตอ.ฉต. ที่มีแนวโน้มชะลอตัว

    ทำให้มีอุปสงค์ต่อชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลง


3.2 การลงทุน

  • แม้จะเกิดสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง แต่ก็ยังมีรายงานการเข้าไปเปิดกิจการใหม่และขยายกิจการเพิ่มเติมในไทยของ บริษัทญี่ปุ่นทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสาขาบริการ เช่น บริษัท Gulliver ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์มือสองชั้นนำของญี่ปุ่น ได้ร่วมทุนกับบริษัท วิรยะประกันภัย จัดตั้งบริษัท วี-กัล ลิเวอร์ ในไทย เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจรถมือสองมายังไทย เนื่องจากเห็นว่าตลาดในไทยมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างมากในระยะยาว โดยได้เปิดโชว์รูมรถยนต์มือสองแห่งแรกของบริษัทฯ ที่ ถ.ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2557 และตั้งเป้าเปิดโชว์รูมจำนวน 100 แห่งทั่วไทยภายในปี 2558 และบริษัท Sagami Group ซึ่งบริษัทธุรกิจอาหารญี่ปุ่นขนาด ใหญ่ในเขตโตไคของญี่ปุ่น ก็จะเปิดสาขาร้านอาหารที่เซ็นทรัลพระราม 3 ในวันที่ 27 เม.ย. 2557 และมีโครงการเปิดสาขาอื่น ๆ เพิ่มเติมภายในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัล (ทั้งสองบริษัทดังกล่าว ออท. และ สอท. ได้มีส่วนร่วมในการจับคู่ทางธุรกิจและผลักดันให้ด้วย) รวมทั้งในสาขาการผลิต (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์) ซึ่งมีบริษัทขนาดเล็กของญี่ปุ่นจะไปสร้างโรงงานเพิ่มเติมในไทย และสาขาอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท Mikimoto ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องประดับขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นก็จะเปิดสาขาที่ไทย ในขณะที่ ในสาขายานยนต์ บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า และมาสด้า ก็ให้ความสนใจที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ Eco-car ในไทยมากขึ้น


3.3 การท่องเที่ยว

  • จากสถิติของ Japan National Tourism Organization (JNTO) ในเดือน ม.ค. – ก.พ. 2557 นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปญี่ปุ่น จำนวน 61,500 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 70.9 โดยนักท่องเที่ยวไทยยังมีแนวโน้มเข้ามาท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในระดับ สูงอย่างต่อเนื่องภายหลัง รบ.ญี่ปุ่นยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่นไม่ เกิน 15 วัน ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2556





Back to the list