




15/01/2021
1. นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีซูกะ ตามที่นายกรัฐมนตรีซูกะ โยชิฮิเดะได้แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ 16 กันยายน 2563
1.1 ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ญี่ปุ่นจะรักษาความสมดุลระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจกับการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยการทุ่มงบเงินกู้ / เงินอุดหนุนบริษัทเอกชน และป้องกันไม่ให้ประชาชนตกงาน ทั้งยังออกนโยบาย Go To Campaign (Go To Eat / Go To Travel) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศโดยรัฐบาลให้เงินช่วยเหลือบางส่วนแก่ผู้ประกอบการ
1.2 สานต่อนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของอดีตนายรัฐมนตรีอาเบะ ชินโซ (Abenomics) โดยยังคงไว้ซึ่ง 3 แกนหลัก ได้แก่ (1) การเงิน (2) การคลัง และ (3) การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจโดยให้เหตุผลว่าในช่วงเวลาที่ประชาชนเผชิญความไม่แน่นอนของสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 รัฐบาลจึงต้องคงนโยบายเศรษฐกิจหลักของประเทศไว้
1.3 สร้างสังคมดิจิทัล โดยประยุกต์ใช้ดิจิทัลในการปฏิรูปงานของภาครัฐ เช่น (1) ให้ประชาชนมี My Number (หมายเลขประจำตัว 12 หลัก) เพื่อใช้ระบุตัวบุคคลในการเก็บภาษี ประกันสังคม และระบุตัวตนในช่วงที่เกิดเหตุภัยพิบัติซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญให้ญี่ปุ่นก้าวข้ามผ่านสังคม analog สู่สังคมดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ และ (2) จัดตั้งทบวงดิจิทัล )Digital Agency) ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564
1.4 สร้างสังคมสีเขียว โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นประเทศที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Zero Emission) ให้ได้ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050)
2 . สภาพเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2563
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และผลรายงาน Global Economic Prospects ของธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ Real GDP ของญี่ปุ่นในปี 2563 ติดลบร้อยละ 5.3 และจากข้อมูลของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นพบว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (Real GDP) ของญี่ปุ่นได้ติดลบมาต่อเนื่อง 3 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 (ตุลาคม – ธันวาคม) จนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 (เมษายน – มิถุนายน) อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศอัตราการเติบโต Real GDP ของญี่ปุ่น งวดเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2563 สูงขึ้นร้อยละ 5.3 หรือร้อยละ 22.9 (แบบ Annual Rate) จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส อนึ่ง เมื่อพิจารณารายภาคส่วนของไตรมาสเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2563 พบว่า การบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งมีอัตราส่วนเกินครึ่งของ GDP ได้เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้นโดยมาตรการ Go To Campaign และการใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้าน ส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.0 จากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไปยังสหรัฐอเมริกาและจีนตามสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างไรก็ดี การลงทุนของภาคเอกชนยังคงหดตัวลงร้อยละ 3.4 และการลงทุนในครัวเรือนยังหดตัวลงร้อยละ 7.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
3. ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น
3.1 การอำนวยความสะดวกให้คนญี่ปุ่นเดินทางไปไทย ในสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ทั้งสองประเทศมีข้อจำกัดในการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติบางประเภทสามารถเดินทางเข้าไทยได้ ทั้งนี้ตั้งแต่ 9 พฤษภาคม 2563 – 13 มกราคม 2564 สถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ในญี่ปุ่นทั้ง 2 แห่ง ได้อำนวยความสะดวกออกCertificate Of Entry (COE) ให้คนต่างชาติ (95% เป็นชาวญี่ปุ่น) เดินทางมาไทยแล้ว 7,788 คน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่นยังคงดำเนินไป/ฟื้นตัวได้
3.2 โอกาสของแรงงานไทย หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ปรับกฎหมายด้านแรงงานในปี 2562 ทำให้แรงงานที่มีทักษะเฉพาะ (Specified Skilled Worker) จำนวน 14 สาขา สามารถเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นได้ โดยญี่ปุ่นมีเป้าหมายจะนำเข้าแรงงานประเภทนี้ประมาณ 345,150 คน ในระยะเวลา 5 ปี (เริ่ม เม.ย. 2562) แต่ภายหลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้แรงงานต่างชาติมีอุปสรรคในการมาทำงานที่ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุญาตให้แรงงานของไทยสามารถเดินทางเข้ามาญี่ปุ่นได้ผ่านมาตรการ Residence Track ไทยจึงเป็นประเทศแรกที่สามารถส่งแรงงาน (ผู้ฝึกงานและแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ) ไปทำงานที่ญี่ปุ่นได้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกเลิกมาตรการ Residence Track กับทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เป็นการชั่วคราว สืบเนื่องจากการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้ สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นประมาณการว่า ในอนาคต หากการแพร่ระบาดฯ คลี่คลาย ความต้องการแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่นจะไม่ลดลง โดยเฉพาะงานด้านเกษตรกรรม บริบาล ทำความสะอาดอาคาร งานก่อสร้าง และงานด้านการผลิตอาหาร
3.3 โอกาสของสินค้าไทย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียวแจ้งว่า ภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยมาญี่ปุ่นในปี 2563 ติดลบ อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ (1) สินค้าอาหาร (2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (3) สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
3.4 การมีไทยเป็นฐานการผลิต กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) และ Japan External Trade Organization (JETRO) ได้ให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในต่างประเทศ จำนวน 3 รอบ โดยโครงการของเอกชนญี่ปุ่นที่ดำเนินการในไทยได้รับคัดเลือกทั้งหมดรวม 19 โครงการจาก 83 โครงการ (ประมาณร้อยละ 25)
*******************************
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
15 มกราคม 2564