




27/05/2020
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในประเทศญี่ปุ่น ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม 2563
❖ ผู้ติดเชื้อสะสมในญี่ปุ่น 16,662 คน (เพิ่มขึ้น 30 คนจากวันก่อนหน้า) / เสียชีวิต 862 คน (เพิ่มขึ้น 11 คนจากวันก่อนหน้า) รายละเอียดตามเอกสารแนบ
❖ จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
(1) กรุงโตเกียว 5,170 คน
(2) จังหวัดโอซากา 1,781 คน
(3) จังหวัดคานากาวะ 1,334 คน
(4) จังหวัดฮอกไกโด 1,066 คน
(5) จังหวัดไซตามะ 997 คน
❖ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 กรุงโตเกียว พบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มเติมมากที่สุดในญี่ปุ่น จำนวน 10 คน ซึ่งจำนวน 6 คน ไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อ รวมถึงมีผู้เสียชีวิต 4 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากสถานพยาบาล ทั้งนี้ นับเป็นวันที่ 12 ติดต่อกันที่กรุงโตเกียวมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันต่ำกว่า 20 คน/วัน
❖ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เมืองคิตะคิวชู จังหวัดฟูกูโอกะ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมจำนวน 2 ราย นับเป็นการพบผู้ติดเชื้อ 4 วันติดต่อกัน รวม 14 คน ซึ่ง 13 คนในจำนวนดังกล่าวไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อ ในวันเดียวกัน เมืองคิตะคิวชูจึงได้จัดการประชุมฉุกเฉินและตัดสินใจปิดสถานที่ที่อาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นการชั่วคราว จำนวน 43 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม เป็นต้นไป นอกจากนี้ นายกเทศมนตรีเมืองคิตะคิวชู ได้กล่าวเตือนประชาชนว่า เมืองฯ กำลังอยู่ปากทางเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 2 แล้ว รวมทั้งขอให้ประชาชนระวังและป้องกันตนเอง
❖ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ครั้งที่ 2 เพื่อใช้สำหรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจฉุกเฉิน โดยจัดสรรความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ความช่วยเหลือด้านระบบการแพทย์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ได้แก่
1) ภาพรวม: เพิ่มงบประมาณเพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพระบบทางการแพทย์ในแต่ละพื้นที่ อาทิ การสำรองเตียงผู้ป่วย การจัดเตรียมเครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น นอกจากนี้ จะจ่ายเงินรางวัลพิเศษให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานท่ามกลางความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสฯ สูงสุด 200,000 เยน/คน
2) การเพิ่มค่าตอบแทนในการตรวจรักษาผู้ป่วยแก่สถานพยาบาล: สถานพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยที่มีการอาการหนัก/ปานกลาง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่า
3) การประกันรายได้ของสถานพยาบาล: มีระบบประกันรายได้กรณีสถานพยาบาลมีเตียงว่าง ซึ่งสำรองไว้สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ
4) การสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์: รัฐบาลจะจัดซื้ออุปกรณ์ หน้ากากอนามัย เสื้อคลุมแพทย์ ที่จำเป็นและแจกจ่ายให้แก่สถานพยาบาลต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกัน
5) ยารักษาและวัคซีน: รัฐบาลจัดสรรเงินสนับสนุนในการพัฒนาคิดค้นยาและวัคซีนและการเตรียมพร้อมในการผลิตได้โดยเร็ว
6) การตรวจ PCR สำหรับสตรีมีครรภ์: รัฐบาลจะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการตรวจ PCR ทั้งหมดสำหรับสตรีมีครรภ์ที่ใกล้กำหนดคลอดและประสงค์จะทำการตรวจทุกคน
2. การขยายความช่วยเหลือเพื่อให้คงการจ้างงานและดำรงชีวิต ได้แก่
1) การเพิ่มเงินสนับสนุนให้คงการจ้างงาน: รัฐบาลจะเพิ่มเงินช่วยเหลือจากเดิมวันละจำนวน 8,330 เยน/คน เป็นสูงสุด 15,000 เยน/คน และขยายระยะเวลาให้ความช่วยเหลือจากเดิมที่สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2563 เป็นถึงเดือนกันยายน 2563
2) การช่วยเหลือในการหยุดงาน: รัฐบาลจะจัดตั้งระบบการจ่ายช่วยเหลือโดยตรง สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับค่าชดเชยในการหยุดงานเนื่องจากบริษัทประสบปัญหาทางด้านการเงิน สูงสุดจำนวน 330,000 เยน/เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน เมษายน-กันยายน 2563
3) การสนับสนุนครัวเรือนที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงดูเพียงคนเดียว: รัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนชั่วคราวสำหรับเลี้ยงดูบุตรแก่ครัวเรือนที่ประสบปัญหาทางการเงิน
4) การให้เงินสนับสนุนนักศึกษาสูงสุด 200,000 เยน: นักศึกษาที่มีรายได้ลดลงจากการให้ปิดบริการของสถานที่ต่าง ๆ จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 100,000 เยน และหากนักศึกษามาจากครอบครัวที่ไม่สามารถจ่ายภาษีผู้อยู่อาศัยได้ รัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือจำนวน 200,000 เยน ซึ่งจะครอบคลุมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย โรงเรียนอาชีวะ โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น ประมาณ 430,000 คน
5) การยกเว้นค่าเรียน: รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้แก่สถาบันการศึกษาซึ่งยกเว้นค่าเล่าเรียนให้แก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทางการศึกษา
6) การขยายวงเงินกู้: รัฐบาลจัดเตรียมเงินกู้ยืมฉุกเฉินโดยไม่มีดอกเบี้ยให้แก่ผู้ที่ประสบปัญหาด้านการเงินในการดำรงชีวิต สูงสุด 200,000 เยน/คน
3. การสนับสนุนเพื่อให้คงการดำเนินธุรกิจ ได้แก่
1) การช่วยเหลือค่าเช่าสถานที่: ตั้งระบบช่วยเหลือค่าเช่าสถานที่เป็นจำนวน 2 ใน 3 เป็นระยะเวลาครึ่งปี สูงสุด 500,000 เยน/เดือนแก่บริษัท SMEs และ 250,000 เยนแก่ธุรกิจส่วนตัว หากมีกิจการหลายสาขา บริษัท SMEs จะได้รับเงินช่วยเหลือสูงสุด 1 ล้านเยน และธุรกิจส่วนตัวสูงสุด 500,000 เยน
2) การให้เงินช่วยเหลือเพื่อคงการดำเนินธุรกิจ: รัฐบาลเพิ่มงบประมาณช่วยเหลือบริษัท SMEs และธุรกิจส่วนตัว สูงสุด 2 ล้านเยนสำหรับธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม-ปลายเดือนมีนาคม 2563 โดยจะพิจารณาจากผลประกอบการ
3) การเพิ่มศักยภาพด้านการลงทุนและบริการการเงิน: รัฐบาลจัดตั้งวงเงินสำหรับการให้กู้ยืมและการลงทุนหมุนเวียน จำนวน 12 ล้านล้านเยน
4) การช่วยเหลือด้านกองทุนสาธารณะ: รัฐบาลจะปรับแก้ไขกฎหมายเพื่อให้รัฐบาลสามารถเข้าไปช่วยสนับสนุนการบริหารการคลังของสถาบันการเงินที่ให้กู้ยืมได้ และจะเตรียมเงินช่วยเหลือเพื่อรองรับกรณีที่สถานะการเงินของธนาคารขาดเสถียรภาพ เพื่อส่งเสริมให้สถาบันการเงินให้กู้ยืมแก่ภาคธุรกิจ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ NHK
https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/
https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/data/