พัฒนาการและมาตรการสำคัญ
- เมื่อ 14 ก.พ. 2564 รัฐบาลญี่ปุ่นได้รับรองประสิทธิผลและความปลอดภัยของวัคซีน Pfizer แล้วเป็นชนิดแรก และคาดว่าจะเริ่มฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรกตั้งแต่ 17 ก.พ. 64 เป็นต้นไป ตามด้วยกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งนี้ คุณสมบัติของผู้เข้ารับวัคซีนต้องมีอายุมากกว่า 16 ปี ขึ้นไป และต้องเข้ารับวัคซีน 2 เข็ม โดยแต่ละเข็มห่างกัน 3 สัปดาห์
- รัฐบาลญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ว่า กรณีที่เกิดไฟดับในหลายพื้นที่เนื่องจากแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ. 2564 มิได้ส่งผลกระทบต่อแผนการแจกจ่ายวัคซีนของญี่ปุ่น โดยวัคซีนยังถูกเก็บในตู้เย็นพิเศษและรักษาไว้อย่างเหมาะสม
- รัฐบาลญี่ปุ่นจะเปิดศูนย์ Call Center เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ เวลา 09.00-21.00 น. ที่หมายเลข 0120-761-770
- นาย NISHIMURA Yasutoshi รมว. ด้านเศรฐกิจของญี่ปุ่น ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ดังนี้
o รัฐบาลจะประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็ต่อเมื่อพบว่า ความสามารถในการรับผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลในพื้นที่ดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน และหากมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว รัฐบาลวางแผนที่จะยังใช้มาตรการที่มีความเข้มงวดเช่นเดียวกับมาตรการภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป เช่น การสั่งให้ร้านอาหารและเครื่องดื่มปิดให้บริการเร็วขึ้น เพื่อลดปัจจัยที่จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดที่จะส่งผลต่อระบบการรักษาพยาบาลให้ได้มากที่สุด
o รัฐบาลญี่ปุ่นได้แก้ไขกฎหมายป้องกันโรคระบาด โดยได้กำหนดให้ “สถานการณ์เฝ้าระวังและป้องกันโรคระบาด” เป็นสถานการณ์ประเภทใหม่ ซึ่งทำให้สามารถบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดตั้งแต่เนิ่นได้แม้ว่าสถานการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขึ้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ดี นาย NISHIMURA ปฏิเสธข่าวลือที่ว่า รัฐบาลจะเปลี่ยนไปประกาศใช้มาตรการบังคับภายใต้สถานการณ์เฝ้าระวังและป้องกันโรคระบาดแทน หากมีการประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน