ข่าวกงสุล


บทความการมาทำงานที่ญี่ปุ่นโดยผ่านนายหน้าจัดหางาน

03/10/2014

เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว คนไทยได้เฮกันเพราะเว็บไซต์ข่าวต่างๆหรือแม้แต่หนังสือพิมพ์ถึงกับพาดหัวข่าวใหญ่ ว่าญี่ปุ่นได้ยกเว้นวีซ่า 15 วัน ให้คนไทย ต่อไปนี้การไปญี่ปุ่นก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ไม่ต้องขอวีซ่า ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้วุ่นวาย คนไทยที่หลงมนต์เสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่นเป้นจำนวนมาก ต่างก็หลั่งไหลกันเข้ามาในประเทศนี้ แต่ในขณะเดียวกันบางคนก็ใช้ความสะดวกสบายหรือความใจดีของญี่ปุ่นเป็นช่องทางในการทำมาหากิน ทั้งหลอกเขาและถูกเขาหลอก มีคนไทยหลายคนที่หวังจะมาขุดทองที่ญี่ปุ่นแต่กลับถูกหลอกจากนายหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อว่ามีงานสบายเงินดีที่ญี่ปุ่น มาเพียง 15 วันเงินแสนก็อยู่ในมือได้ง่ายๆ ไม่ต้องทนทำงานได้เงินน้อยนิดที่เมืองไทย มาญี่ปุ่นสิ มีงานให้ทำมากมาย งานสบายๆ เงินก็ดี จ่ายค่านายหน้าไม่กี่แสน แต่เงินที่จะได้กลับมาเป็นกอบเป็นกำแน่นอน มีคนไม่น้อยที่หลงเชื่อคำพูดชวนฝันพวกนี้ และมีหลายคนที่ไปกู้หนี้ยืมสิน เอาที่ดินที่นา ของเก่าของแก่ที่พ่อแม่ให้ไปจำนอง ทองหยองที่มีก็พากันเอาไปจำนำ หรือแม้แต่เอาไปขาย เพื่อที่จะเอาเงินแสนมาให้เป็นค่านายหน้า พร้อมกับวาดฝันชีวิตใหม่ตามที่นายหน้ามาโฆษณาเอาไว้

เมื่อเร็วๆ นี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งจากเด็กสาวคนหนึ่งชื่อว่า “แก้ว” บ้านเกิดอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย เธอเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นโดยได้รับคำชักชวนจากนายหน้าซึ่งเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกัน และก็คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เดิมทีตอนที่อยู่ที่ประเทศไทยก็ติดต่อกันผ่านอินเตอร์เนต ซึ่งนายหน้าคนนั้นก็ได้พูดจาโน้มน้าวเธอ ให้ยอมจ่ายเงินแสน แต่เมื่อเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ทุกอย่างกลับไม่เป็นดังฝัน แถมแก้วยังเพิ่งจะมารู้ว่าตนเอง “ท้อง” ก็เมื่อหลวมตัวอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายไปเสียแล้ว เมื่อคิดจะกลับบ้านก็ไม่สามารถกลับได้ จึงมาขอความช่วยเหลือจากทางสถานเอกอัครราชทูตฯ

สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้พูดคุยกับแก้วถึงเรื่องราวต่างๆ รวมถึงได้ช่วยเหลือแก้วให้ได้กลับประเทศไทยตามคำร้องขอ จากคำสัมภาษณ์ของแก้ว ทำให้เราเรียนรู้อะไรได้หลายๆอย่าง

สถานทูตฯ :แก้วเข้ามาในญี่ปุ่นได้ยังไง

แก้ว : ตอนนั้นมีคนรู้จักที่แต่งงานอยู่ที่ญี่ปุ่น เขาชวนมา เขาบอกว่าทำงานที่ญี่ปุ่นเดือนๆนึงได้ไม่ต่ำกว่าแสนแน่นอน งานก็เป็นงานสบายๆ แค่นั่งกิน นั่งดื่มเหล้า เราก็สนใจเพราะทำงานที่ไทย เดือนๆนึงได้ไม่ถึงหมื่น แต่เขาให้เราจ่ายค่านายหน้าให้เขาก่อน 100,000 บาท ตอนนั้นพอมาคิดๆดูแล้วก็อยากจะลองทำดู อยากเก็บเงิน พี่คิดดู ปีนึงได้เป็นล้าน เป็นใครก็ต้องสนใจ หนูก็เอาเงินเก็บตัวเองทั้งหมด ไปยืมเงินญาติ เอาที่ดินที่แม่ให้ไปจำนอง หาเงินไปให้เขาเป็นค่านายหน้า 100,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบินเค้าก็ให้จ่ายเอง 26,000 บาท แล้วก็แลกเงินเอามาเผื่อใช้ที่นี่อีกนิดหน่อย


สถานทูตฯ :แล้วแก้วรู้มั้ยว่าต้องอยู่แบบผิดกฎหมาย

แก้ว : นายหน้าเขาก็บอกว่า ก็แล้วแต่เรา เข้ามา 15 วันไม่ต้องใช้วีซ่าก็มาเก็บเงิน 15 วันแล้วกลับก็ได้ หรือจะอยู่ต่อก็แล้วแต่เรา ตอนนั้นหนูก็คิดว่าลองมาดู ถ้าไม่เป็นแบบที่คิด ก็จะทำงานให้ได้เงินอย่างน้อยแสนนึง เอาทุนคืนแล้วค่อยกลับบ้าน


สถานทูตฯ:แล้วมีใครเตือนเรามั้ยว่าอาจถูกหลอก

แก้ว : มีค่ะ แฟนหนูเค้าก็เตือน ว่ามันจะได้จริงๆหรือแค่ 15 วัน แต่เราก็ไม่เชื่อ เพราะที่นายหน้าเค้าบอกเรามันสวยงามมาก เราก็ฝันไปแล้ว


สถานทูตฯ:พอมาแล้วเป็นยังไงบ้าง

แก้ว : โอ้โหพี่ มันไม่เป็นแบบที่คิดเลย พอมาถึงเขามารับเราที่สนามบิน แต่เขาให้หนูจ่ายเงินเพิ่มอีก 150,000เยน เป็นค่าแนะนำงาน เราก็กลัวไม่มีงานทำ เลยจ่ายเงินให้เขาไปอีก แล้วเขาก็พาหนูไปที่ร้านสแน็ก เป็นร้านแบบนั่งดื่ม


สถานทูตฯ:แล้วความรู้สึกตอนเห็นร้านล่ะ

แก้ว : พอเห็นร้านก็แทบอยากจะกลับบ้านเลย มันไม่เหมือนกับที่เราคิดเลยซักนิด ร้านมันดูเล็กๆ มืดๆ พอนายหน้าเค้ามาส่งหนูเสร็จเค้าก็หายไป แล้วงานที่ตอนแรกเขาบอกว่าแค่นั่งกินนั่งดื่ม มันไม่เหมือนที่เราคิดเลยค่ะ เขาให้หนูไปนั่งกับแขกที่มาที่ร้าน บางทีก็โดนลวนลามแต่เราก็ต้องทน เพราะอยากได้เงิน แล้วแต่ละร้านเขาก็ไม่ให้เราทำนาน ร้านละอาทิตย์ สองอาทิตย์ ไม่ถึงเดือนเพราะเราไม่มีวีซ่า แถมเงินก็ได้น้อยไม่เหมือนที่เค้ามาบอก ตอนแรกนายหน้าเขาบอกได้วันละ 5-6,000 บาท แต่พอทำจริงๆได้แค่วันละ 5,000 เยน บางวันที่เขาไม่มีแขกเขาก็ให้แค่ 3,000 เยน แย่ที่สุดคือบางร้านพอเขารู้ว่าหนูไม่มีวีซ่าเขาก็ไม่ให้เงิน หนูก็เปลี่ยนร้าน ทีนี้ตอนแรกที่คิดว่าจะอยู่ 15 วัน ก็ไม่ได้แล้ว 15 วันยังไม่พอค่าตั๋วเครื่องบินขากลับเลย เลยอยู่ยาวมาจนถึงตอนนี้


สถานทูตฯ :แล้วได้ติดต่อกลับไปหาคนที่เค้าเป็นนายหน้าพาเรามาส่งมั้ย

แก้ว : ติดต่อเค้าไม่ได้เลยค่ะ ตอนอยู่ที่ไทยเค้าก็ติดต่อกับเราผ่านทางโปรแกรมไลน์ตลอดเลย เบอร์ที่เค้าให้ไว้ก็ติดต่อไม่ได้ โทรไปไม่ติด เราก็ต้องดิ้นรนอยู่เอง


สถานทูตฯ :แล้วแก้วไปที่ไหนมาบ้าง

แก้ว : ตอนแรกก็อยู่ในโตเกียว แล้วมีพี่ที่ร้านที่เขามีวีซ่าเค้าบอกว่าที่อุซูโนมิยะดี มีแขกเยอะ เงินดีกว่าที่นี่ เราก็ตามเขาไป แต่มันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นค่ะ เงินที่ได้ก็ได้น้อยเหมือนเดิม ทีนี้หนูก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ที่ไหนที่เขาบอกว่าได้เงินดีหนูก็ตามเขาไป เปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ ที่แก้วไปหลักๆ ก็ 3 ที่ โตเกียว ชิบะ แล้วก็อุซูโนมิยะ แต่ก็เหมือนเดิม เงินน้อย ร้านสุดท้ายที่ทำก็ที่โตเกียวนี่แหละพี่


สถานทูตฯ :แล้วเราอยู่ยังไงในญี่ปุ่นล่ะ พักที่ไหน อาหารการกินเป็นยังไง

แก้ว : ก็ไปอยู่ที่พักของร้านที่เขามีให้ค่ะ เปลี่ยนร้านไปก็เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆ กินข้าวก็ทำกินเองบ้าง หนูไม่มีวีซ่าจะไปไหนก็กลัวโดนตำรวจจับ เวลาไปซื้อของก็นานๆ ไปที นั่งแท็กซี่ไปเพราะไปไหนไม่เป็น แล้วก็ซื้อมาทีเดียวเยอะๆ


สถานทูตฯ :แล้วทำไมแก้วถึงทนล่ะ ในเมื่องานก็ได้เงินไม่เหมือนกับที่เขาบอก

แก้ว : หนูก็คิดว่าไหนๆ ก็มาแล้ว เสียเงินไปตั้งเยอะยังไงก็ต้องเอาทุนคืนก่อน แต่ยิ่งอยู่ไปมันก็ยิ่งเก็บเงินไม่ได้เวลาเปลี่ยนร้านที ค่าใช้จ่ายมันก็สูง ได้ไม่คุ้มเสีย


สถานทูตฯ :พ่อแม่แก้วรู้มั้ยว่าลูกสาวมาทำอะไรที่ญี่ปุ่น

แก้ว : หนูไม่กล้าบอกเขาหรอกค่ะ บอกไปแต่ว่าหนูมาทำงานร้านอาหารไทย ไม่กล้าบอกด้วยว่าหนูหนีวีซ่า


สถานทูตฯ :เหตุผลที่คิดอยากจะกลับตอนนี้ล่ะ

แก้ว : เพราะท้องค่ะ ตอนนี้ก็ 6 เดือนแล้ว อยู่ที่นี่ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง นี่ตั้งแต่ท้องก็ไม่เคยไปหาหมอเลย เงินก็ไม่มี ทำงานก็ไม่ได้ พอที่ร้านเขารู้ว่าหนูท้องเขาก็ไม่ให้ทำงานเลย เขาบอกคนท้องทำงานที่ร้านไม่ได้ ไล่แขกเขา เงินที่กะจะเก็บก็ต้องเอามาจ่ายค่าที่นอนทุกวัน แล้วเจ้าของร้านเขาก็ไม่ให้หนูอยู่ที่บ้านเขาต่อแล้ว เขาบอกที่นี่ให้สำหรับคนที่ทำงานที่ร้านเท่านั้น หนูท้องทำงานไม่ได้แล้ว จะให้คนอื่นมาอยู่ แล้วก็ไล่ให้หนูออกจากบ้าน หนูขอร้องเขาว่าขออยู่จนกว่าจะถึงวันกลับเขาก็ไม่ให้ หนูก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน เลยมาขอความช่วยเหลือที่นี่


สถานทูตฯ :แก้วรู้ตัวตอนไหนว่าท้อง ท้องตั้งแต่ที่ไทยหรือมาท้องที่ญี่ปุ่น

แก้ว  : หนูรู้ตัวว่าท้องก็ตอนท้องได้ประมาณ 4 เดือนแล้ว เพราะท้องมันโตขึ้นแล้วมันเหมือนมีอะไรเต้นตุบๆอยู่ในท้อง เลยซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ เลยรู้ว่าตัวเองท้อง ก็ท้องตั้งแต่ที่เมืองไทยแล้วค่ะ ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนแรกหนูคงไม่มาแล้ว


สถานทูตฯ :แล้วแฟนแก้วรู้มั้ยว่าแก้วท้อง

แก้ว : รู้ค่ะ เขาก็บอกให้กลับมา จะอยู่ไปทำไม หนูเลยคิดจะกลับเมืองไทย ไม่เอาอีกแล้ว แล้วถ้ามีใครจะมาหนูก็จะห้ามเขาด้วย ไม่อยากให้คนอื่นเจอเหมือนหนูอีกแล้ว


สถานทูตฯ :ตอนที่แก้วอยู่ที่นี่มีคนที่โดนหลอกมาเหมือนแก้วอีกมั้ย 

แก้ว : ล่าสุดที่หนูออกมา มีอีก 9 คนที่โดนเหมือนหนู บางคนโดนหลอกมา 2-3 แสนก็มี พ่อแม่เขาป่วยจะมาหาเงินที่นี่เอาเงินส่งไปให้ที่บ้าน แต่กลับมาโดนหลอก เงินก็ไม่ได้แถมหมดตัวอีก สงสารเขา  


สถานเอกอัครราชทูตฯ รับฟังเรื่องราวของแก้วพร้อมหาทางช่วยเหลือ โดยติดต่อประสานงานกับทางมูลนิธิสตรี เพื่อพาแก้วไปตรวจสุขภาพครรภ์  และหาที่อยู่ให้แก้วจนกว่าจะถึงวันเดินทางกลับประเทศไทย  

อีก กรณีหนึ่งนั้นเป็นกรณีของ “หิน” ชายหนุ่มที่คิดจะมาแสวงโชคที่ญี่ปุ่น แต่กลับโดนนายหน้าหลอกจนหมดตัว และหมดหนทางที่จะเดินทางกลับประเทศไทย หินเดินทางเข้ามาที่ประเทศญี่ปุ่นโดยยกเว้น  วีซ่า 15 วัน โดยก่อนมามีนายหน้ามาโฆษณา ถึงงานดี เงินดีในญี่ปุ่น จนตกลงจ่ายค่านายหน้ากันในราคา 200,000 บาท หินเข้ามาในญี่ปุ่นในรูปแบบของนักท่องเที่ยวโดยผ่านบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง เมื่อเข้ามาถึงแล้วจึงบอกกับมัคคุเทศก์ ว่าจะขอท่องเที่ยวด้วยตนเอง แต่ที่จริงมีนายหน้ามารอรับหินอยู่นอกสนามบิน หลังจากเจอกันแล้ว นายหน้าเรียกร้องให้หินจ่ายเงินเพิ่มเป็นค่าแนะนำงานอีก 200,000 เยน หินเอาเงินที่ติดตัวมาทั้งหมด ให้นายหน้าไป จนตัวเองเหลือเงินติดตัวเพียงแค่ไม่กี่หมื่นเยน โดยมีความหวังว่างานที่นายหน้าแนะนำ จะต้องเป็นงานที่ได้รับเงินเป็นกอบเป็นกำมากกว่าเงินที่เสียไปแค่นี้แน่นอน หลังจากนั้น นายหน้าพาหินไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้สนามบิน พร้อมบอกให้ความหวังหินว่า อีก 4 วันจะมารับเพื่อพาไปทำงาน แต่ 7 วันผ่านไป นายหน้าที่บอกว่าจะมารับก็ยังไม่มา เงินที่มีก็ต้องเอาไปจ่ายค่าโรงแรม จนเหลือเงินติดตัวเพียง 3,000 เยน หินตัดสินใจออกจากโรงแรม ไปที่สนามบินเพื่อหวังจะเดินทางกลับประเทศไทย แต่เมื่อมาถึงสนามบินกลับพบว่าตั๋วเครื่องบินนั้นไม่สามารถใช้ได้แล้ว จำเป็นต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ แต่หินไม่มีเงินเพียงพอ จึงทำได้เพียงเตร็ดเตร่และอาศัยสนามบินเป็นที่หลับนอน จนย่างเข้าวันที่ 14 ที่เดินทางเข้าญี่ปุ่น ซึ่งเหลือเวลาอีก 1 วันหากไม่เดินทางออกจากญี่ปุ่นเขาก็กลายเป็นผู้ที่ลักลอบอยู่ในญี่ปุ่นอย่าง ผิดกฎหมายโดยทันที ในวันนั้น หินถูกตำรวจสนามบินควบคุมตัว  และนำตัวมาส่งที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ในตอนที่มาถึงที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หินเดินเข้ามาด้วยท่าทางหิวโซดูอ่อนแรง ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้เตรียมอาหารมาให้หิน หินมองอาหารจานนั้นแล้วก้มลงกินด้วยน้ำตา เนื่องจากไม่ได้กินอะไรเลยในหลายวันที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ให้การช่วยเหลือหิน ให้กลับบ้านที่ประเทศไทยทัน ในวันรุ่งขึ้นก่อนที่หินจะกลายเป็นผู้ลักลอบอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากวันนั้นหินไม่ได้ถูกตำรวจจับ และไม่ได้ถูกนำตัวมาที่สถานเอกอัครราชทูตฯ อะไรจะเกิดขึ้นกับเขา 

นอกจากกรณีของแก้ว เด็กสาวที่ถูกหลอกมาทำงานนั่งดื่มที่ญี่ปุ่น และหินที่ถูกหลอกมาโดนลอยแพแล้ว ก็ยังคงมีคนไทยหลายคนโดนหลอก  “ขายฝันดี” ว่าที่ญี่ปุ่นมีงานดี เงินดี ให้ทำ เสียค่านายหน้าไปหลายแสนบาท แต่สุดท้ายก็ต้องกลับประเทศไทยทั้งๆ ที่ไม่ได้อะไรเลย แถมยังโดนหลอกเสียจนหมดเนื้อหมดตัว   บางรายถึงจะมีงานก็ยังได้เงินน้อยไม่เท่ากับทุนที่เสียไป จากที่คิดว่าจะมาเพียง 15 วันแล้วกลับบ้าน รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็น Over Stay อยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายไปเสียแล้ว แถมยังต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ กลัวว่าอาจจะโดนตำรวจจับแล้วถูกส่งกลับเมืองไทยทั้งๆที่ยัง “ได้ไม่คุ้มเสีย” อยู่แบบนี้  แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ถึงจะมีข่าวโดนหลอกแบบนี้ออกมาอยู่บ่อยๆ แต่จำนวนของผู้ที่โดนหลอกก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลงลดเลย




Back to the list