ข่าวกงสุล


บทสรุปเนื้อหา กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองฉบับใหม่ของญี่ปุ่น กำหนดเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2555

19/06/2012

 

วัตถุประสงค์ของการปรับปรุงระบบการควมคุมคนต่างชาติ คือ เพื่อทำฐานข้อมูลร่วมระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอสำหรับบริหารจัดการเกี่ยวกับการพำนักอาศัยของคนต่างชาติในญี่ปุ่น

 

1. สาระสำคัญ

  1. 1.1 คนต่างชาติที่ต้องปฎิบัติตามระบบใหม่ คือ

    ► คนต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ระยะกลางถึงระยะยาวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น คู่สมรสของชาวญี่ปุ่น นักศึกษา บุคคลที่ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น ผู้ฝึกงานทางเทคนิค และผู้พำนักถาวร

    อย่างไรก็ดี ระบบใหม่นี้ไม่มีผลใช้บังคับกับนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือผู้ที่มีถิ่น พำนักในญี่ปุ่นระยะ 3 เดือนหรือต่ำกว่านั้น

     

  2. 1.2 ระบบใหม่ไม่มีผลบังคับใช้กับบุคคลดังต่อไปนี้

    • ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้พำนักในญี่ปุ่นต่ำกว่า 3 เดือน
    • ผู้ที่ได้รับสถานะ "Temporary Visitor"
    • ผู้ที่ได้รับสถานะ "Diplomat" หรือ "Official
    • ผู้ที่กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นจัดว่าเทียบเท่าบุคคลใน 3 กลุ่มแรกข้างต้น
    • ผู้ที่มีสถานะ Special Permanent Resident

     

  3. 1.3 การใช้บัตร Resident Card หรือ ไซริวการ์ด

    ► สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นผู้ออกบัตร Resident Card หรือ ไซริวการ์ด ส่วนระบบการลงทะเบียนคนต่างด้าวของสำนักงานเขตจะยกเลิก ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป บัตรนี้จะมีชิปบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สถานะวีซ่า การเปลี่ยนแปลงสถานะวีซ่า การเปลี่ยนแปลงที่อยู่ การเปลี่ยนแปลงชื่อสกุล ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าบัตรจะน้อยกว่าบัตรคนต่างด้าว ทั้งนี้ บัตรใหม่ Resident Card หรือ ไซริวการ์ด จะใช้แทนบัตรคนต่างด้าวอย่างสมบูรณ์ในปี 2558

     

  4. 1.4 ข้อดีของระบบใหม่ คือ

    • ขยายระยะเวลาพำนักขั้นสูงสุดจาก 3 ปี เป็น 5 ปี
    • กำหนดระบบ Re-entry Permit ดังนี้
      • ขยายระยะเวลาเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่นขั้นสูงสุดจาก 3 ปี เป็น 5 ปี
      • หากเดินทางออกจากญี่ปุ่นไม่เกิน 1 ปี ไม่จำเป็นต้องขอ Re-entry Permit มาตราการนี้เรียกว่า Special Re-entry Permit

     

    ข้อควรระวัง หากไม่เดินทางกลับเข้าญี่ปุ่นภายใน 1 ปี จะสูญเสียสถานะการพำนัก และต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าใหม่

     

 

2. การยื่นเรื่องขอทำ Resident Card หรือ ไซริวการ์ด

ผู้ที่พำนักระยะกลางถึงระยะยาว ไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องทำบัตรใหม่ทันที เนื่องจากบัตรต่างด้าวสามารถใช้ได้อีกระยะหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานะการพำนัก ดังนี้

 

  1. 2.1 ผู้พำนักถาวร

    • กรณีอายุมากกว่า 16 ปี บัตรเก่าจะใช้ได้จนถึงวันที่ 8 ก.ค. 2558 (ค.ศ.2015)
    • กรณีอายุน้อยกว่า 16 ปี บัตรเก่าจะใช้ได้จนถึงวันที่ 8 ก.ค.2555 หรือวันที่อายุครบ 16 ปี แล้วแต่ว่าเกณฑ์ใดมาถึงก่อน

     

  2. 2.2 ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้พำนัก 5 ปี เพื่อทำกิจกรรมเฉพาะทาง

    • กรณีอายุมากกว่า 16 ปี บัตรเก่าจะใช้ได้จนถึงวันสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้พำนักหรือวันที่ 8 ก.ค. 2558 แล้วแต่ว่าเกณฑ์ใดก่อน
    • หากอายุน้อยกว่า 16 ปี บัตรเก่าจะใช้ได้จนถึงวันสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้พำนักหรือวันที่ 8 ก.ค. 2558 แล้วแต่ว่าเกณฑ์ใดก่อน

     

  3. 2.3 ผู้ที่ได้รับสถานะการพำนักประเภทอื่น ๆ

    • หากอายุมากกว่า 16 ปี บัตรเก่าสามารถใช้ได้จนถึงวันสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้พำนัก
    • หากอายุน้อยกว่า 16 ปี บัตรเก่าสามารถใช้ได้จนถึงวันสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้พำนัก หรือวันที่อายุครบ 16 ปี แล้วแต่ว่าเกณฑ์ใดถึงก่อน

    หากคนต่างชาติจำเป็นต้องใช้ใบรับรองที่ระบุข้อมูลตามบัตรคนต่างด้าว สามารถขอทำเอกสาร Certificate of Residence ได้จากสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ

     

 

3. ขั้นตอนและการแบ่งงานของหน่วยงานญี่ปุ่น

  1. 3.1 ขั้นตอนที่ 1 ที่ด่านตรวจคนเข้า - ออกเมือง

    ► ผู้ที่เดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นโดยมีสถานะวีซ่าพำนักระยะกลางถึงระยะยาว จะได้รับประทับตรา seal of landing ในหนังสือเดินทาง และ Resident Card (ไซริวการ์ด) ทั้งนี้ ท่าอากาศยานที่ออก Resident Card ได้ทันที มี 4 แห่ง คือ นาริตะ ฮาเนดะ คันไซ ชูบุ (นาโกยา) หากเป็นท่าอากาศยานอื่น ๆ จะประทับตราข้อความว่าจะส่งบัตรให้ภายหลัง (ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ภายหลังจากที่ผู้นั้นได้แจ้งข้อมูลที่พักอาศัยต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอแล้ว)

     

  2. 3.2 ขั้นตอนที่ 2 สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ

    ผู้พำนักระยะกลางถึงระยะยาวต้องแจ้งข้อมูลที่อยู่อาศัยภายในกำหนดเวลา

    • ผู้ที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ต้องนำ Resident Card (ไซริวการ์ด) ที่ได้รับเมื่อตอนเข้าญี่ปุ่นไปติดต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอที่ตนเองพำนักอยู่ ภายใน 14 วัน หลังจากทราบข้อมูลที่พำนักอาศัยแล้ว หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับไม่เกิน 200,000 เยน ถ้าไม่แจ้งข้อมูลดังกล่าวภายใน 90 วัน อาจจะถูกยกเลิกสถานะการพำนักในญี่ปุ่นได้
    • ผู้ที่เปลี่ยนที่พำนักอาศัย ต้องนำ Resident Card (ไซริวการ์ด) ไปติดต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอแห่งเก่า เพื่อแจ้งว่าจะย้ายที่อยู่ออกและนำเอกสารที่ได้รับไปแจ้งต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอที่มีที่อยู่ใหม่ โดยต้องแจ้งข้อมูลการเปลี่ยนแปลงที่พำนักอาศัยนี้ภายใน 14 วัน หลังจากที่ได้ย้ายเข้าที่พำนักอาศัยแห่งใหม่แล้ว หากไม่ปฎิบัติตามจะถูกปรับไม่เกิน 200,000 เยน และหากไม่แจ้งข้อมูลดังกล่าวภายใน 90 วัน อาจจะถูกยกเลิกสถานะการพำนักในญี่ปุ่นได้

     

  3. 3.3 ขั้นตอนที่ 3 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

    สำหรับผู้ที่ต้องการทำ Resident Card (ไซริวการ์ด) หรือหากเปลี่ยนแปลงข้อมูลนอกเหนือไปจากที่พำนักอาศัย จะต้องไปติดต่อ ตม.โดยนำเอกสารประกอบที่ต้องใช้ คือ หนังสือเดินทาง รูปถ่ายขนาด3 x 4 นิ้วและผู้ที่มี Resident Card แล้วแต่ต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต้องนำ Resident Card (ไซริวการ์ด) ไปประกอบด้วย

    • กรณีแจ้งเปลี่ยนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สัญชาติ ต้องแจ้งต่อ ตม. ภายใน 14 วัน
    • กรณียื่นคำร้องเพื่อขยายอายุของบัตร

    ผู้พำนักถาวรที่อายุต่ำกว่า 16 ปี ซึ่งบัตรจะหมดอายุในวันที่อายุครบ 16 ปี ต้องขอต่ออายุบัตรก่อนหมดอายุ โดยสามารถขอต่ออายุได้ภายใน 2 เดือนก่อนบัตรหมดอายุ แต่ผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี สามารถขอต่ออายุบัตรได้ภายใน 6 เดือนก่อนบัตรหมดอายุ

     

    กรณีขอทำ Resident Card ใหม่เพื่อทดแทนบัตรเดิม

    • กรณีสูญหายหรือถูกขโมย ต้องติดต่อ ตม. ภายใน 14 วัน (หากเกิดเหตุในต่างประเทศ ต้องแจ้งในวันที่เดินทางกลับเข้าญี่ปุ่น) เอกสารที่จะต้องใช้เพิ่มเติมคือ ใบแจ้งความว่าบัตรสูญหายหรือถูกขโมยจากสถานีตำรวจ หรือใบรับรองผู้ประสบภัยพิบัติจากสถานีดับเพลิง
    • กรณีหน้าบัตรเสียหายหรือตัวบัตรชำรุดมาก ต้องขอบัตรใหม่โดยเร็วที่สุด
    • กรณีต้องการบัตรใหม่แต่บัตรเดิมชำรุดหรือเสียหายไม่มาก สามารถขอบัตรใหม่ได้และต้องชำระค่าธรรมเนียมบัตรด้วย

     

4. บทลงโทษ ตม.ได้กำหนดบทลงโทษ 3 ระดับ ดังนี้

  1. 4.1 ถอนสถานะการอนุญาตให้พำนัก

    • ผู้ที่ได้สถานะมาด้วยวิธีผิดกฎหมาย
    • ผู้ที่มีสถานะ "Spouse or Child of Japanese National" หรือ "Spouse or Child of Permanent Resident" แต่ไม่ทำหน้าที่คู่สมรสมาเป็นเวลา 6 เดือนหรือมากกว่านั้นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
    • ผู้ที่ไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนที่พำนักอาศัยโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือแจ้งความเท็จ

     

  2. 4.2 จัดให้อยู่ในข่ายผู้ที่อาจถูกส่งกลับประเทศที่ผู้นั้นมีถิ่นพำนักถาวร (เนรเทศ)

    • หากผู้นั้นปลอมแปลงหรือปรับเปลี่ยนบัตร
    • ถูกศาลตัดสินจำคุกเนื่องจากแจ้งข้อมูลเท็จหรือพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน

     

  3. 4.3 โทษปรับ

    • ผู้ที่แจ้งข้อมูลเท็จ หรือไม่ติดต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอหรือ ตม. ตามที่กำหนดไว้หรือไม่ปฏิบัติตาม ข้อกำหนดต่าง ๆ เกี่ยวกับการรับบัตร การถือบัตรติดตัวหรือการแสดงบัตรตามกฎหมาย
    • ผู้ที่ปลอมแปลงหรือปรับเปลี่ยนบัตร

     

5. บุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคนต่างชาติ มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลต่อ ตม. ดังนี้

  • แจ้งการว่าจ้างหรือเลิกจ้างคนต่างชาติ ที่พำนักระยะกลางหรือระยะยาวซึ่งมีสถานะการพำนักประเเภททำงานได้ ภายใน 14 วัน (ยกเว้นองค์กรที่ต้องแจ้งตามกฎหมายจ้างงาน)
  • แจ้งการรับหรือโอนหรือเลิกสอนคนต่างชาติที่พำนักระยะกลางถึงระยะยาวซึ่งมีสถานะการพำนักประเภทนักศึกษา ภายใน 14 วัน
  • หากนายจ้าง จ้างคนงานต่างชาติที่ผิดกฎหมาย นายจ้างจะถูกลงโทษ

 


 

ถาม-ตอบ เกี่ยวกับกฎหมายฉบับใหม่

 

Q บุคคลที่มีสถานะพำนักถาวร จะมีการลดระยะเวลาพำนักเป็น 5 ปี หรือไม่ ?

A ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยกเว้น กรณีก่อคดีหรือมีความผิดตามกฎหมายญี่ปุ่น


Q จะมีการยกเลิกเรื่องขอสถานะพำนักถาวร หรือไม่

A ไม่มีการยกเลิก


Q ผู้ที่พำนักอยู่ญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายเป็นเวลา 15 – 20 ปี สามารถขอวีซ่าได้หรือไม่

A สามารถยื่นคำร้องได้ แต่ผลจะเป็นอย่างไรไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากการพิจารณาจำเป็นอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น มีครอบครัว เหตุผลที่ต้องการพำนักอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ฯลฯ ขั้นตอนที่จะยื่นขอวีซ่า จำเป็นต้องมอบตัวและยื่นคำร้องขอวีซ่า ส่วนการที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นเป็นระยะเวลานานไม่มีผลต่อการรับสิทธิพิเศษในการขอวีซ่า ทั้งนี้ ควรพึงระวังว่า หากพำนักในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายเป็นระยะเวลานานก็จะมีความผิดตามกฎหมายมากขึ้นตาม และหากกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้แล้วจะทำให้ผู้ที่อยู่อย่างผิดกฎหมายใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นได้อย่างลำบากมากขึ้น เพราะไม่มีบัตรคนต่างชาติทำให้หางานทำได้ยาก ขอแนะนำให้ มอบตัวและรอผลตัดสินจาก ตม.


Q บุคคลที่ไม่มีวีซ่า หากเจ้าของบริษัทเป็นผู้ค้ำประกัน จะสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าได้หรือไม่

A อันดับแรกต้องมอบตัวก่อน และขอคำปรึกษาต่อ ตม. สำหรับการตัดสินขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ตม. ข้อดีของการมอบตัวคือ ในกรณีที่ไม่มีประวัติอาชญากรรมจะสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศญี่ปุ่นได้หลังจาก 1 ปี


Q การมอบตัว จำเป็นต้องมอบตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เขตชินากาวา โตเกียว เท่านั้นหรือไม่ จะมอบตัวต่อ ตม. ในต่างจังหวัดได้หรือไม่

A ต้องมอบตัวที่โตเกียว เท่านั้น


Q การขอ Re-entry Permit สำหรับผู้ประสงค์จะออกนอกประเทศเกิน 1 ปี จะได้รับตราประทับRe-entry Permit ในหนังสือเดินทางเหมือนเดิมหรือไม่

A จะได้รับตราประทับ Re-entry Permit ในหนังสือเดินทางเช่นเดิม


Q ผู้ถือวีซ่าคู่สมรส ไม่ได้ทำการหย่ากันตามกฎหมาย แต่สามีไม่ยอมยื่นเรื่องขอต่อวีซ่าให้ จะถูกเพิกถอนวีซ่าหรือไม่

A ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ตม. ส่วนผลการตัดสินแล้วแต่กรณีไป


Q การแยกกันอยู่กับสามีแต่ไม่ได้หย่ากันจะมีผลต่อการเพิกถอนวีซ่าหรือไม่

A ก่อนทำการเพิกถอนวีซ่า ตม.จะทำการสัมภาษณ์ทุกราย ส่วนผลการตัดสินนั้นแล้วแต่ละกรณี


Q ใน Resident Card จะมีชื่อเป็นอักษรคันจิหรือไม่

A โดยพื้นฐานแล้ว จะบันทึกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ


Q Resident Card (ไซริวการ์ด) จะต้องพกติดตัวหรือไม่

A จำเป็นต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลา


Q ผู้ที่ไปขอต่อวีซ่าหลังจากที่กฎหมายใหม่บังคับใช้แล้ว จะได้รับตราประทับสถานะวีซ่าในหนังสือเดินทางหรือไม่

A ไม่มีตราประทับของสถานะวีซ่า แต่ข้อมูลจะถูกบันทึกลงใน Resident Card (ไซริวการ์ด) แทน


Q สำหรับผู้ที่ต้องการประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปประกอบการขอทำใบขับขี่ญี่ปุ่น จะขอประวัติการเดินทางเข้าออกญี่ปุ่นได้ที่ใด

A ต้องยื่นคำร้องด้วยตนเอง ที่กระทรวงยุติธรรม (ตั้งอยู่ที่ Kasumigaseki, Chiyoda-ku, Tokyo) เสียค่าธรรมเนียมอากรแสตมป์ 300 เยน


หมายเหตุ

  • สรุปจากการบรรยายของเจ้าหน้าที่ ตม.ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2555 ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
  • สถานเอกอัครราชทูตฯ ไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลข้างต้น ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลสำคัญบางส่วน ซึ่งคนต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่นควรทราบ ไม่ใช่ข้อมูลกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองฉบับใหม่ทั้งหมด ผู้ที่ประสงค์ทราบข้อมูลที่สมบูรณ์ควรติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นโดยตรง

 

ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2555




Back to the list